วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

วัดพระเจ้าตนหลวง




พระเจ้าตนหลวง วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในแผ่นดินล้านนา





วัดศรีโคมคำ หรือวัดพระเจ้าตนหลวง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญได้สร้างมานานพร้อมกับการสร้างพระเจ้าตนหลวง เมื่อประมาณ พ.ศ.2034 โดยอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเมืองแก้ว เจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ และพระยาเมืองตู้ เจ้าผู้ครองเมืองพะเยา ในสมัยนั้นเจ้าอาวาสองค์แรกที่ปรากฎในตำนาน คือ พระธรรมปาล
ท่านผู้นี้ได้ทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่คือ ได้เขียนตำนานพระเจ้าตนหลวงออกเผยแพร่แก่ประชาชนอยู่ต่อมาอีกประมาณ 404 ปี จุลศักราช 1219 (พ.ศ. 2400) พระกัปปินะ เป็นเจ้าอาวาสอีกครั้งหนึ่ง มีบันทึกหนังสือสมุดข่อยไว้ว่า แสนทักษิณะเยนดวงชะตาพระเจ้าตนหลวง มีพระธรรมปาลเขียนไว้มาให้ท่านได้รับทราบว่าวัดศรีโคมคำเป็นวัดมาแต่โบราณกาล แต่มาในยุคหลังๆ บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะสงคราม ทำให้บ้านเมืองอยู่ไม่เป็นปกติสุขต้องอพยพโยกย้ายไปอยู่ตามหัวเมืองที่ปลอดภัยจากข้าศึก ทำให้บ้านเมือง วัดวาอารามรกร้างว่างเปล่าไป ต่อมาภายหลังได้สถาปนาเมืองพะเยาขึ้น บ้านเมืองก็ดี วัดวาอารามก็ดี ก็ได้รบการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ตามลำดับ
วัดศรีโคมคำได้เริ่มก่อสร้างพระวิหารครั้งหลังสุดเมื่อ พ.ศ. 2465 พระครูศรีวิราชวชิรปัญญา เจ้าคณะแขวงเมืองพะเยา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทางฝ่ายบ้านเมืองคือ พระยาประเทศอุดรทิศ เจ้าผู้ครองเมืองพะเยา และหลวงสิทธิประศาสน์ (คลาย บุษบรรณ) นายอำเภอเมืองพะเยา คนแรกร่วมกันไปอาราธนาท่านครูบาศรีวิชัย จากจังหวัดลำพูนมาเป็นประธาน นั่งหนักในการก่อสร้างพระวิหารหลวงและเสนาสนะต่างๆ จำสำเร็จบริบูรณ์ โดยพระครูศรีวิราชวชิรปัญญา ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ เป็นองค์แรก ปัจจุบันพระธรรมวิมลโมลี (ปวง ธมฺมปญฺโญ) ได้ดำรงตกแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2511 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2523
พระเจ้าตนหลวง เป็นพระพุทธรูปศิลปเชียงแสนที่ใหญ่ที่สุดในล้านนา ขนาดหน้าตักว้าง 14 เมตร สูง 16 เมตร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2034-2067 ชาวพะเยาถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ในเดือนหก (ประมาณพฤษภาคม) จะมีงาน นมัสการพระเจ้าตนหลวง เดือนแปดเป็ง” จะมีประชาชนในจังหวัดพะเยาและจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก



วัดนันตาราม

 วัดนันตาราม อยู่ที่บ้านดอนไชย ไม่ปรากฎว่าสร้างเมื่อไร เป็นวัดที่มีศิลปะแบบพม่า ตัววิหารสร้างด้วยไม้สักทั้งหลังตกแต่งลวดลายฉลุไม้อย่างสวยงามตามส่วนประกอบต่างๆ เช่น หน้าต่าง หน้าบัน ระเบียง เป็นต้น ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์ธนบัตรเก่า เครื่องใช้โบราณ ผ้าลายโบราณ ภาพวาดโบราณเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเทศน์มหาชาติแต่ละตอน เปิดให้เข้าชมเวลา 08.00–18.00 น.
Click here to see a large version

Click here to see a large version
Click here to see a large version

Click here to see a large version
Click here to see a large version
วัดนันตาราม วิหารไม้

วัดนันตาราม วิหารไม้

วัดพระนั่งดิน




วัดพระนั่งดิน อ.เชียงคำ จ.พะเยา

ณ อุโบสถของวัดเล็กๆ ในอำเภอเชียงคำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ พุทธลักษณะแม้ไม่งดงามนัก ด้วยอาจเป็นฝีมือช่างพื้นบ้านอันสร้างมาเก่าแก่โบราณจนสืบค้นประวัติมิได้ ทว่าความประหลาดคือ เป็นพระพุทธรูปที่มิยอมขึ้นประดิษฐานบนฐานชุกชี มิว่าชาวบ้านทุกยุคทุกสมัยจะใช้หนทางใดก็ตาม เหตุอัศจรรย์นี้เอง ผู้คนจึงเรียกกันว่า 'พระนั่งดิน'



วัดพระนั่งดิน อยู่ที่บ้านพระนั่งดิน หมู่ที่ 7 ตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เป็นวัดที่มีความสำคัญ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเชียงคำและพื้นที่ใกล้เคียง และถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองอำเภอเชียงคำมาช้านาน ภายในอุโบสถมีการตกแต่งประดับประดาด้วยตุง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ศิลปะของชาวเหนือ และเป็นที่ประดิษฐานองค์พระประธาน ซึ่งมีความแปลกแตกต่างจากพระพุทธรูปโดยทั่วไป ด้วยไม่มีฐานชุกชีรองรับ พระพุทธรูปจึงนั่งอยู่บนพื้น ชาวบ้านเคยสร้างฐานชุกชีและอัญเชิญองค์พระพุทธรูปขึ้นประดิษฐาน แต่ปรากฏว่ายกไม่ขึ้น จนถึงปัจจุบันนี้ จึง เรียกขานนามสืบต่อกันมาว่า พระนั่งดิน หรือพระเจ้านั่งดิน
วัดพระนั่งดิน อ.เชียงคำ จ.พะเยา

ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าขานสืบกันมาว่า ชาวบ้านเคยสร้างฐานชุกชีและได้อันเชิญพระเจ้านั่งดินขึ้นประดิษฐาน แต่เกิดเหตุอัศจรรย์ ฟ้าผ่าลงมาที่กลางพระวิหารถึง 3 ครั้ง ชาวบ้านจึงได้อาราธนาพระเจ้านั่งดินมาประดิษฐานบนพื้นดินดังเดิม
มีตำนานกล่าวถึงประวัติพระเจ้านั่งดินไว้ว่า พระยาครองเมืองพุทธรสะได้ค้นพบประวัติ(ตำนาน) เมื่อนมจตุจุลศักราช 1,213 ปีระกา เดือน 6 วันจันทร์ พระพุทธเจ้าได้เสด็จออกโปรดเมตตาสรรพสัตว์ จนเสด็จถึงเตเวียงพุทธรสะ(อำเภอเชียงคำในปัจจุบัน) พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่บนดอยสิงกุตตระ(พระธาตุดอยคำในปัจจุบัน) ทรงแผ่เมตตาประสาทพรตรัสให้พระยาคำแดงเจ้าเมืองพุทธรสะในขณะนั้น สร้างรูปเหมือนของพระองค์ไว้ที่เมืองพุทธรสะนี้ ครั้งเมื่อทรงตรัสจบก็ปรากฎมีพระอินทร์ 1 องค์ พระยานาค 1 ตน ฤษี 2 องค์ และพระอรหันต์ 4 รูป ช่วยกันเนรมิตรูปเหมือนจากดินศักดิ์สิทธิ์ ณ เมืองลังกา ใช้เวลา 1 เดือน กับ 7 วัน จึงแล้วเสร็จ เมื่อพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์ทั่วถึงแล้ว ได้เสด็จสู่เมืองพุทธรสะอีกครั้ง ทรงเห็นรูปเหมือนนั้นมีขนาดเล็กกว่าองค์ตถาคต จึงตรัสให้เอาดินมาเสริม แล้วพระพุทธเจ้าได้แผ่รัศมีออกครอบจักรวาลรูปเหมือนนั้นให้เลื่อนลงจากฐาน ชุกชี มากราบไหว้พระองค์ พระพุทธเจ้าตรัสกับรูปเหมือนว่า "ขอให้ท่านจงอยู่รักษาศาสนาของกูตถาคตให้ครบ 5,000 พระพรรษา" รูปเหมือนน้อมรับ และประดิษฐานอยู่ ณ พื้นดินที่นั้นสืบมา
การเดินทางไปวัดพระนั่งดิน วัดพระเจ้านั่งดิน อยู่ในตำบลเวียง ไปตามทางหลวงหมายเลข 1021(ดอกคำใต้-เชียงคำ) วัดอยู่ห่างจากตัวอำเภอราว 4 กิโลเมตร




ภูลังกา



วนอุทยานภูลังกา พะเยา ท่องเที่ยว
วนอุทยานภูลังกา พะเยา สัมผัสทะเลหมอก ดอกไม้ป่า พิชิตภูลังกา ภูนม ชมอาทิตย์ขึ้นลง เข้าดงก่อโบราณ กังวาลเสียงนก น้ำตกสวยใส ประทับใจดอกโคลงเคลงดอยภูลังกา ภาษาชาวเขาเผ่าเมี่ยน เรียกว่า “ฟินจาเบาะ” หมายความว่า “ภูเทวดา” เป็นยอดดอยที่สวยงามมีความสูง 1,720 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง สูงที่สุดในเทือกเขาสันปันน้ำ ไทย-ลาว ด้านทิศเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 7,800 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลผ่าช้าง อ.ปง จ.พะเยา
วนอุทยานภูลังกา พะเยา สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นป่าดิบเขา เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยม มีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากชมทะเลหมอกดวงอาทิตย์ขึ้นลง และดอกไม้ป่าสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว มีถ้ำหลบภัยของ ผกค.ในอดีต มีน้ำตกสวยงาม
นอกจากนี้ วนอุทยานภูลังกา พะเยา ยังมีพันธุ์ไม้หายากเช่น ต้นชมพูภูพาน เนียมแดง เอื้องสีตาล เทียนธารา สัตฤาษี เป็นต้น  สำหรับสัตว์ป่ามีจำนวนมากกว่า 100 ชนิด เช่น เสือโคร่ง หมี กวาง เก้ง หมูป่า งูจงอาง ผีเสื้อ เป็นต้น สำหรับนกป่าประจำถิ่นและนกอพยพ ซึ่งสวยงามมีมากกว่า 200 ชนิด เช่น นกพญาไฟ นกเป้า เป็นต้น จึงเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ลักษณะภูมิอากาศในช่วงฤดูหนาวอากาศเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุด 7 องศา สูงสุดเฉลี่ย 35 องศามีฝนตกชุกในช่วงฤดูฝน
แหล่งท่องเที่ยว วนอุทยานภูลังกา พะเยา
:: ยอดดอยภูลังกา มีความสูงประมาณ 1,720 เมตร สามารถเฝ้าชมวิวทะเลเมฆและทะเลหมอก ดอกไม้ป่า ชมอาทิตย์ขึ้นลงท่ามกลางทะเลภูเขาสวยงามมาก นอกจากนี้ยังสามารถสัมผัสอากาศสดชื่นเย็นสบายตลอดปี
:: ยอดดอยภูนม มีความสูงประมาณ 1,600 เมตร สามารถชมวิวได้ 360 องศา นอกจากนี้สามารถใช้มุมมองในลักษณะรูปร่างจินตนาการได้ถึง 3 มิติ คือคล้ายกำแพงเมืองจีนคล้ายลิงกอริลล่าและคล้ายนมสาว
:: ทุ่งดอกโคลงเคลง ต้นเอนอ้า หรือบานอ้า ภาษาคำเมืองเรียก ต้นดอกข้าวจี่ ภาษาม้ง เรียกว่า จื๋อจั่วท้ง ภาษาเย้า เรียก ต้นกงุ้งซัง เป็นไม้พุ่มดอกสีม่วง มีลักาณะสวยงามออกดอกบานสะพรั่ง ในช่วงปลายฝนต้นหนาว และช่วงเทศกาลสงกรานตขึ้นรวมกันเป็นทุ่งกว้าง และกระจัดกระจายทั่วไปในวนอุทยานภูลังกา การใช้ประโยชน์ รากของต้นโคลงเคลงมีรสขม  มีสรรพคุณบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ บำรุงดี บำรุงตับและไต แก้อ่อนเพลีย
:: ข่าดอกสีแดง ออกดอกบานสะพรั่งในช่วงเดือนกรกฎาคม โดยขึ้นกระจายทั่วไปบนดอยภูลังกาและดอยภูนม ลักษณะช่อดอกทรงกระบอกยาวประมาณ 30 ซม.
:: น้ำตกภูลังกา เป็นน้ำตกน้ำใสเย็นมี 2 ชั้น โดยชั้นที่ 1 มีความสูง 30 เมตร และชั้นที่ 2 สูง 20 เมตร มีความสวยงามในช่วงฤดูฝน
:: ลานหินล้านปี มีสภาพเป็นลานหินบนสันดอยภูลังกา มีมอสเกาะตามหินโดยมีดอกไม้ป่า ขึ้นกระจัดกระจาย เช่น ต้นบีโกเนีย กล้วยไม้ป่า ชมพูพูพาน โคลงเคลง เทียนป่า และตาเหินไหว เป็นต้น สวยงามมากข่วงปลายฝนต้นหนาว
:: หินแยงฟ้า เป็นแท่งหินยื่นโผล่ขึ้นไปบนฟ้าอยู่ปลายสุดของยอดดอยภูลังกา
ป่าก่อโบราณ เป็นสภาพป่าดิบเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์พืชสมุนไพรและต้นก่อขนาดใหญ่จำนวนมาก นักท่องเที่ยว สามารถเดินชมพันธุ์พืชดอกไม้ป่ากล้วยไม้ป่า และชมนกได้อย่างสนุกตื่นเต้น โดยเฉพาะช่วยปลายฝนต้นหนาว ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก วนอุทยานภูลังกามีบ้านพัก, ลานกางเต็นท์, เส้นทางปั่นจักรยาน, เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ชมนก ชมป่าธรรมชาติ สำหรับที่พักและลานกางเต็นท์ มีจำนวนจำกัด ควรติดต่อกับวนอุทยานภูลังกา ล่วงหน้าก่อนตั้งโปรแกรมการเดินทาง
วนอุทยานภูลังกา ต.ผาช้างน้อย อ.ปง จ.พะเยา โทร. 0 1883 0307
สำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ถ.สิงหไคล ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย 57000 โทร. 0 5371 1402
การเดินทาง วนอุทยานภูลังกา พะเยา
จากจังหวัดพะเยา เดินทางมาตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1021 ผ่านอำเภอดอกคำใต้ อำเภอจุน และจนถึงอำเภอเชียงคำ เปลี่ยนเส้นทางไปใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1148 ระยะการเดินทางจากจังหวัดพะเยาถึงวนอุทยานภูลังกาประมาณ 120 กิโลเมตร
จากจังหวัดเชียงราย เดินทางมาตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1020 ผ่านอำเภอเทิง มาจนถึงอำเภอเชียงคำ เปลี่ยนเส้นทางไปใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1148 ระยะการเดินทางประมาณ 140 กิโลเมตร
การเดินทางขึ้นไปวนอุทยานภูลังกา จากอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1148 ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร จะถึงเส้นทางแยกเข้าวนอุทยานภูลังกา เดินทางขึ้นเขาอีกประมาณ 10 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการสำนักงานวนอุทยานภูลังกา
:: ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง ควรเป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ถึงจะขึ้นถึงยอดดอยภูลังกาได้สะดวกปลอดภัย
:: ผู้ที่ไม่มีรถขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถขึ้นได้โดยจ้างเหมารถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ของชุมชนได้ตรงปากทางขึ้นวนอุทยานภูลังกา


กว๊านพะเยา

       กว๊านพะเยา เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่ใจกลางเมืองพะเยา อยู่ในเขตอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา มีเนื้อที่ประมาณ 12,831 ไร่ เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และ อันดับ 3 ของประเทศไทย (รองจาก หนองหาน และบึงบอระเพ็ด) มีปริมาณน้ำเฉลี่ยปีละ 29.40 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพันธ์ปลาน้ำจืดกว่า 48 ชนิด เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาชนิดต่างๆ เช่น ปลากราย ปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาจีน ปลาไน รวมทั้งปลานิล อันลือชื่อของจังหวัดพะเยา
       
กว๊านพะเยา เกิดจาการยุบตัวของเปลือกโลกเมื่อประมาณ 70 ล้านปีมาแล้ว เป็นแอ่งน้ำซึ่งเป็นที่รวบรวมของลำห้วยต่างๆ 18 สาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2478 กรมประมงได้ตั้งสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดพะเยาขึ้นบริเวณต้นแม่น้ำอิงและสร้างฝายกั้นน้ำทำให้เกิดเป็นบึงขนาดใหญ่ มีความลึกเฉลี่ย 1.5 เมตร คำว่า "บึง" ภาษาพื้นเมือง เรียกว่า "กว๊าน"






       ในอดีตพื้นที่กว๊านพะเยาเป็นพื้นที่รองรับน้ำจากเทือกเขาไหลลงมาเป็น ลำห้วย ลำธาร แม่น้ำ และกลายเป็นหนองน้ำเล็กใหญ่ในช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนมีนาคม-มิถุนายน ของทุกปี ปริมาณน้ำจะลดลงทำให้ชาวบ้านสามารถใช้พื้นที่เกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์และเป็นเส้นทางสัญจรไปมาระหว่างตัวเมืองกับหมู่บ้านรอบๆ กว๊านพะเยา และเมื่อหลายร้อยปีมานั้นพื้นที่ในบริเวณของกว๊านพะเยาจะเป็นชุมชนหมู่บ้านมีวัดวาอารามอยู่หลายวัด ต่อมาเมื่อกรมประมงสร้างประตูกั้นน้ำในกว๊านพะเยาเพื่อกักเก็บน้ำ จึงทำให้บริเวณกว๊านพะเยาที่แต่เดิมเป็นชุมชนโบราณ และมีวัดหลายแห่งต้องจมอยู่ในกว๊านพะเยา
ทัศนียภาพโดยรอบกว๊านพะเยา มีความร่มรื่น สามารถมองเห็นแนวทิวเขาสลับซับซ้อนที่งดงาม ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น จนอาจจะกล่าวได้ว่าหัวใจของเมืองพะเยาอยู่ที่กว๊านพะเยานี่เอง





วัดติโลกอาราม เป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งที่จมอยู่ในกว๊านพะเยา เป็นวัดที่พระเจ้าติโลกราช แห่งราชอาณาจักรล้านนา โปรดให้พระยายุทธิษถิระ เจ้าเมืองพะเยา สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 2019-2029 ในบริเวณที่เรียกว่าบวกสี่แจ่ง
วัดแห่งนี้เป็นชื่อวัดที่ปรากฏอยู่ในศิลาจารึก ซึ่งถูกค้นพบได้ในวัดร้างกลางกว๊านพะเยาหรือในบริเวณหนองเต่า จากข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึก ทำให้รู้ว่าวัดนี้มีอายุเก่าแก่มากกว่า 500 ปี สร้างในสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงใหม่ วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นวัดที่มีผู้ปกครองเมืองพะเยาได้สร้างถวาย เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแก่พระเจ้าติโลกราช ในฐานะทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรล้านนา
วัดติโลกอารามจมอยู่ในกว๊านพะเยาเนื่องจากในปี พ.ศ. 2482 กรมประมงสร้างประตูกั้นน้ำในกว๊านพะเยาเพื่อกักเก็บน้ำ จึงทำให้บริเวณกว๊านพะเยาที่แต่เดิมเป็นชุมชนโบราณ และมีวัดอยู่เป็นจำนวนมากต้องจมน้ำ
ในอดีตพื้นที่กว๊านพะเยาเป็นพื้นที่รองรับน้ำจากเทือกเขาไหลลงมาเป็น ลำห้วย ลำธาร แม่น้ำ และกลายเป็นหนองน้ำเล็กใหญ่ในช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนมีนาคม-มิถุนายน ของทุกปี ปริมาณน้ำจะลดลงทำให้ชาวบ้านสามารถใช้พื้นที่เกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์และเป็นเส้นทางสัญจรไปมาระหว่างตัวเมืองกับหมู่บ้านรอบๆ กว๊านพะเยาและเมื่อหลายร้อยปีมานั้นพื้นที่ในบริเวณของกว๊านพะเยาจะเป็นชุมชนหมู่บ้านมีวัดวาอารามอยู่หลายวัดและวัดติโลกอารามเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งที่จมอยู่ในกว๊านพะเยา